Gooner Journey: จากทางที่มืดมน สู่สปอตไลท์ที่ลอนดอนเหนือ escapeSingleQuotอารอน แรมส์เดลescapeSingleQuot
"ผมต้องพร้อมรับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง และไม่เคยคิดว่าจะต้องประสบความสำเร็จมากมายเพียงใด แต่ในทุกๆเกมที่รออยู่ข้างหน้า ผมจะต้องเป็นคนที่เก่งขึ้น" เเรมส์เดล กล่าว
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2021 อาร์เซนอล ประกาศคว้าตัวนายประตูคนใหม่เข้าสู่ทีม เจ้าของฉายา ‘นายทวารจอมตกชั้น’ โดยที่ไม่มีใครคาดคิดว่า เจ้าตัวจะดีพอกับราคาจ่ายที่ 30 ล้านปอนด์ เนื่องจากเป็นผู้เล่นที่ทำสถิติตกชั้น 2 ปี กับ 2 ทีมอย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และ บอร์นมัธ แม้ว่าทางด้าน มิเกล อาร์เตต้า จะอธิบายถึงสารพัดเหตุผลร้อยแปดที่ทีมต้องการผู้รักษาประตูอย่าง แรมส์เดล มาเพิ่มอีกคน ทั้งๆที่ในเวลานั้นพวกเขามี แบรนด์ เลโน่ อยู่แล้ว ก็กลับถูกมองว่า ควรนำเม็ดเงินไปลงทุนกับตำแหน่งอื่นที่ขาดอยู่มากกว่า
อารอน แรมส์เดล คือผลผลิตจากชุดเยาวชนของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ก่อนที่ บอร์นมัธ จะซื้อตัวมาร่วมทีมในตอนที่เขามีอายุเพียง 17 ปี ด้วยราคา 800,000 ปอนด์ โดยทาง เอ็ดดี้ ฮาว กุนซือของทีมในยุคนั้นคาดหวังว่าเขาจะขึ้นมาเป็นมือ 1 ให้กับทีมได้ในอนาคต ช่วงเวลาที่อยู่กับ ฮาว เขาถูกส่งให้กับ เชสเตอร์ฟิลด์ ทีมในระดับลีก 2 และ วิมเบิลดัน ทีมในระดีบลีกวันยืมตัวไปใช้งาน จนสามารถโชว์ฟอร์มได้ดีสม่ำเสมอ ได้รับฉายาจากแฟนบอลว่า ‘แรมโบ้’
แรมส์เดล กลับมาสู่ทีม บอร์นมัธ ก่อนถูกผลักดันให้ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ของทีมแทนที่ของ อัสเมียร์ เบโกวิช ผู้รักษาประตูจอมเก๋า โดยในฤดูกาล 2019/2020 เขาถือว่าเป็นนายทวารที่อายุน้อยที่สุดของพรีเมียร์ลีก ด้วยวัยเพียงแค่ 21 ปีเท่านั้น และสามารถโชว์ฟอร์มได้ดีในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล แต่ทว่าลูกทีมของ ฮาว กลับมาแผ่วปลาย และสุดท้ายต้องตกชั้นไปในที่สุด แม้จะต้องผิดหวังแต่เส้นทางยังต้องไปต่อ ผลงานส่วนตัวของ แรมส์เดล ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรนัก จึงทำให้ทีมเก่าของเขาอย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ดึงตัวกลับมาเฝ้าเสา หลังจากที่ ดีน เฮนเดอร์สัน หมดสัญญายืมตัวจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอย่างที่ทุกคนรู้กัน โชคไม่ดีเลยที่เขาไม่สามารถช่วยทีมให้อยู่ในลีกสูงสุดต่อไปได้ เชฟฟิลด์ ตกชั้นแบบไม่ได้ลุ้นอะไรเลย พวกเขาจมอยู่ที่อันดับ 20 ของตาราง
เส้นทางที่ อาร์เซนอล เริ่มขึ้นหลังจากที่ช่วงต้นฤดูกาล แบรนด์ เลโน่ ก่อความผิดพลาดหลายต่อหลายครั้ง และประสบกับปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงาน จนทำให้โอกาสมาตกอยู่ในมือของ แรมส์เดล นายประตูมือ 2 ในขณะนั้น เขาได้ลงสนามประเดิมนัดแรกในเกม คาราบาว คัพ กับ เวสต์บรอมวิช และสามารถเก็บคลีนชีตออกมาได้ แฟนบอลที่ได้ดูเกมต่างเห็นถึงแพสชั่นในตัวของนายทวารผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งกองหลัง, การส่งสัญญาณบอกเพื่อนร่วมทีม, รวมทั้งความมั่นใจในการออกไปตัดบอล ทั้งหมดนี้มีอยู่ในตัวเขาแบบครบวงจร
แม้แต่คนที่เคยดูถูกเขาในวันนั้น ต่างก็ออกมายอมรับและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อาร์เตต้า มองคนขาดจริงๆ และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แรมส์เดล ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเสาหลักให้กับ อาร์เซนอล อย่างเต็มตัว ทั้งในฐานะนายด่านจอมหนึบและผู้นำในสนามที่เต็มไปด้วยแพสชั่น
โชคดีจริงๆ ที่ความผิดหวังและความผิดพลาดต่างๆในเส้นทางค้าแข้งของเขาเกิดขึ้นตั้งแต่อายุยังน้อย การถูกส่งออกไปยืมตัว ได้เรียนรู้ความเป็นมืออาชีพตั้งแต่อายุ 18 ปี มันสอนให้รับมือกับความกดดันได้ดีกว่าใคร เขานำความสงบมาสู่แผงหลังของทีม นักเตะทุกคนจะวางใจได้เมื่อเห็นเขายืนปกป้องอยู่หน้าปากประตู ในฐานะสาวกกูนเนอร์ส อย่างน้อย อาร์เซนอล ก็สามารถซ่อมได้แล้วอย่างน้อยหนึ่งตำแหน่ง จังหวะนี้ก็พอคุยโวได้เต็มปากว่า เขาคู่ควรกับการท้าชิงตำแหน่งนายทวารยอดเยี่ยมประจำซีซั่น 2022/23 ของพรีเมียร์ลีก
ปัจจุบัน เขาลงสนามไปแล้วทั้งหมด 18 เกม เก็บคลีนชีตได้มากถึง 9 นัด นับเป็น 50% เลยทีเดียว เทียบกับมือกาวระดับท็อปในโอกาสที่เท่าๆกัน อย่าง ดาบิด เด เกอา (8 คลีนชีต), แอแดร์สัน (7 คลีนชีต) หรือ อลิซซอน เบ็คเกอร์ (4 คลีนชีต)
ส่วนนายทวารมือหนึ่งวาสนาดีของ escapeSingleQuotทรีไลอ้อนescapeSingleQuot อย่าง จอร์แดน พิคฟอร์ด เก็บได้เพียง 3 คลีนชีตเท่านั้น...ก็ไม่รู้สินะว่า แกเร็ธ เซาท์เกธ จะรู้สึกอย่างไรในเวลานี้.
เขียนโดย The Lite Team.